“ห้องน้ำ” เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญซึ่งต้องสะอาดตามหลักสุขอนามัย ไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรค นอกจากนี้ ห้องน้ำยังเป็นสถานที่พักใจของใครหลาย ๆ คน แต่หากว่าเราอยากให้ห้องน้ำเป็น Safe Zone ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง เราไม่ควรจะทำ 6 สิ่งนี้ เพราะจะทำให้ห้องน้ำกลายเป็นศูนย์รวมการสะสมของเชื้อโรคได้
1. ไม่ล้างแปรงล้างห้องน้ำ ทิ้งไว้ในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท
เราทุกคนรู้ว่า เราควรจะทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าให้ดีควรทำความสะอาดทุกวัน หรือ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และมีเชื้อโรคสะสม ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนหลงลืมไปคือ หลังจากใช้แปรงขัดห้องน้ำแล้ว จะต้องล้างทำความสะอาด ตากแดดให้แห้ง และเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท
รู้หรือไม่ว่า แปรงล้างห้องน้ำ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียในห้องน้ำ และสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ได้ หากว่าเราทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ดังนั้น เมื่อล้างห้องน้ำเสร็จทุกครั้ง ให้ทำความสะอาดแปรงให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค และวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท หรือรอจนแห้งสนิทก่อนเก็บเข้าที่
2. มองข้ามอุปกรณ์สะสมเชื้อโรคในห้องน้ำ
หากถามคนทั่วไปว่าสิ่งไหนในห้องน้ำที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากที่สุด หลายคนอาจจะตอบว่า “โถสุขภัณฑ์” แต่รู้หรือไม่ว่า อุปกรณ์ที่สะสมเชื้อโรคมากที่สุด เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป นั่นก็คือ ที่ใส่แปรงสีฟัน พรมเช็ดพื้น และม่านห้องน้ำนั่นเอง
เชื่อว่าเมื่อเราทำความสะอาดห้องน้ำ สิ่งหนึ่งที่เรามักทำความสะอาดเป็นพิเศษก็คือ โถสุขภัณฑ์หรือชักโครก แต่หลายคนกลับไม่ได้สนใจล้างที่ใส่แปรงสีฟัน ซักพรมเช็ดเท้า และเปลี่ยนผ้าม่าน
ด้วยเหตุนี้ เราควรจะล้างที่ใส่แปรงสีฟันเป็นประจำทุกวัน แยกที่ใส่แปรงสีฟันของแต่ละคนไม่ให้ปะปนกัน รวมถึงเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-6 เดือน ซักพรมเช็ดเท้าสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงเปลี่ยนผ้าม่านห้องน้ำ 6 เดือนครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในห้องน้ำ
3. ไม่จัดการกับฝักบัวอุดตัน
อีกจุดหนึ่งที่หลายคนมองข้าม ละเลยการทำความสะอาด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีคราบสกปรกอุดตัน ทำให้น้ำไหลเอื่อย และเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ นั่นก็คือ ฝักบัวนั่นเอง
สำหรับบ้านไหนที่ฝักบัวอุดตัน ให้เราลองใช้แปรงสีฟันบีบยาสีฟันแล้วแปรงบริเวณหัวของฝักบัว แต่หากว่าคราบฝังแน่น อาจจะต้องนำหัวฝักบัวมาแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก หรือใครอยากแน่ใจว่าไม่มีคราบเหลือ ก็อาจจะใช้ไม้จิ้มฟัน หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดฝักบัวมาจิ้มตามรูน้ำ แต่หากไม่ไหวจริง ๆ แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลย
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรปล่อยปละละเลยให้ฝักบัวกลายเป็นจุดสะสมของเชื้อโรค ดังนั้น หลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง ให้เราทำความสะอาดฝักบัวด้วยการล้างคราบสบู่ แชมพูออกให้หมด แล้วใช้ผ้าสะอาดนุ่ม ๆ เช็ดคราบน้ำออกทุกครั้ง
4. เทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้นานเกินไป
สารภาพมาเสียดี ๆ ใครคิดว่า ยิ่งเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้นาน ๆ จะยิ่งทำให้คราบสกปรกหายไปและขัดห้องน้ำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ความเชื่อนี้ผิด และอาจจะให้ผลในทางตรงกันข้าม
หากว่าเราเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งเกินจากเวลาที่ระบุเอาไว้นานเกินไป หรือว่าน้ำยาล้างห้องน้ำแรงเกินไป จนน้ำยาแห้ง นอกจากจะทำให้ขัดยากกว่าเดิมแล้ว อาจจะกัดยาแนวจนทำให้ความชื้นเข้าไปใต้กระเบื้อง เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรา และทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน
5. ทิ้งคราบน้ำไว้ให้ระเหยไปเอง
เมื่อเราทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะปล่อยทิ้งเอาไว้ให้คราบน้ำระเหยไปเอง และนี่คือสาเหตุของเชื้อราและกลิ่นอับชื้นที่สะสมในห้องน้ำ
ดังนั้น หลังจากที่เราล้างห้องน้ำเสร็จ ให้เรานำผ้าสะอาดมาซับน้ำให้แห้ง เปิดประตูหน้าต่างให้แสงแดดเข้า และอากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดการสะสมของเชื้อโรค
6. เลือกน้ำยาล้างห้องน้ำผิดประเภท
สำหรับน้ำยาล้างห้องน้ำในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ก็คือ
- น้ำยาล้างห้องน้ำแบบมีกรดไฮโดรคลอริกในปริมาณ 15-22% มักมีกลิ่นฉุน เวลาใช้จะต้องผสมน้ำในอัตรา 1:1 จากนั้นราดลงไปบนพื้นผิว รอ 10-15 นาทีแล้วค่อยขัด คราบฝังแน่นจะหลุดได้ง่าย แต่ก็อาจจะกัดกร่อนพื้นผิวและยาแนว ทำให้มีความชื้นเข้าไปสะสมใต้กระเบื้องจนเกิดเชื้อราได้เช่นเดียวกัน
- น้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่มีกรดไฮโดรคลอริก หรือมีน้อยกว่า 15% กลิ่นไม่ฉุน มักมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เวลาใช้ให้ผสมน้ำในอัตรา 1:0.5 ราดทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีเช่นเดียวกัน สามารถใช้ล้างห้องน้ำได้ทุกวัน ไม่กัดกร่อนพื้นผิว ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง
เพื่อสุขอนามัยที่ดี เราขอแนะนำให้ล้างห้องน้ำทุกวัน เป็นการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรก การใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแบบไม่มีกรด กลิ่นไม่ฉุน เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน
เลือกน้ำยาล้างห้องน้ำ กลิ่นไม่ฉุนจาก “ทรัพย์” (SUPP)
น้ำยาล้างห้องน้ำ กลิ่นตะไคร้หอม กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ดี ๆ จาก “ทรัพย์” (SUPP) ไม่มีสารเคมีอันตราย ไม่มีกรดไฮโดรคลอริก ใช้ได้ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่ทำลายพื้นผิว ขจัดคราบสกปรกได้อย่างล้ำลึก